หมวดหมู่: สาระน่ารู้

  • อาหารที่ช่วยให้สุขภาพผมดี

    อาหารที่ช่วยให้สุขภาพผมดี

    [vc_row][vc_column][vc_column_text]ปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับลักษณ์คุณภาพของเส้นผมของเรานั้น ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและอายุ เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้ผมหยิก ผมตรงหรือว่าสีผมของเราจะสีอะไร มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ความหนาของผมและการขึ้นของผมนั้นถูกควบคุมโดยธรรมชาติ

    แต่มีสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เพื่อช่วยการเจริญเติบโตของผมที่แข็งแรง รวมถึงป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม อาหารที่ดีที่สุด 6 อย่างนี้ ช่วยทำให้สุขภาพเส้นผมดี มีดังต่อไปนี้

    [/vc_column_text][vc_column_text]

    1. ไข่

    [/vc_column_text][vc_column_text][/vc_column_text][vc_column_text]

                  ไข่เป็นรายการอาหารที่เด่นในเรื่องการดูแลสุขภาพผม เพราะไข่โปรตีนและไบโอตินจำนวนมากเช่นเดียวกับสารอาหารอื่น ๆ เช่นสังกะสีและซีลีเนียม รูขุมขนส่วนใหญ่ทำมาจากโปรตีน และเมื่อโปรตีนไม่เพียงพอก็จะส่งผลทำให้ผมร่วง

                   ไบโอตินเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เคราติน หากคุณขาดไบโอติน การบริโภคมากขึ้น อาจช่วยปรับปรุงการขึ้นของเส้นผม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายตัวที่มีจุดประสงค์จะช่วยในเรื่องการปรับคุณภาพเส้นผมให้ดีขึ้น จึงเป็นเหตุผลทำให้มีไบโอตินเป็นส่วนประกอบด้วย

    [/vc_column_text][vc_column_text]

    1. เบอร์รี่

    [/vc_column_text][vc_single_image image=”4352″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

               ผลเบอร์รี่เป็นอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ เพราะมีสารอาหารบางอย่างและวิตามินที่ส่งเสริมการขึ้นของเส้นผม หนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่สุด คือวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแรง

               สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องรูขุมขนจากการถูกทำลาย โดยสารอนุมูลอิสระซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายและเชื่อมโยงกับอายุ ร่างกายของเราใช้วิตามินซี เพื่อผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการป้องกันไม่ให้เส้นผมหลุดร่วงและเปราะ และท้ายสุดนี้ วิตามินซียังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและป้องกันโรคโลหิตจาง ซึ่งสัมพันธ์กับการป้องกันผมหลุดร่วง

    [/vc_column_text][vc_column_text]

    1.  ปลาที่มีไขมัน

    [/vc_column_text][vc_column_text][/vc_column_text][vc_column_text]

              ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแฮร์ริ่งและปลาแมคเคอเรลช่วยเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม เนื่องจากมีกรดไขมันโอเมก้า 3 เข้มข้น การศึกษาผู้หญิงทั้งหมด 120 คนที่ ได้รับอาหารเสริมจากน้ำมันปลาและสารต้านอนุมูลอิสระพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วเส้นผมของพวกเขานั้นมีความหนาแน่นสูงและมีการขาดหลุดร่วงน้อยลง

              การศึกษาอีกข้อ สรุปว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผมในผู้หญิงที่มีผมบาง หากคุณไม่ชอบกินปลา อาหารเสริมน้ำมันปลาเป็นทางเลือกที่ดีอีกทาง อย่างไรก็ตามปลายังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อเส้นผมอื่น ๆ เช่น โปรตีน ซีลีเนียม วิตามิน D3 และวิตามินบี

    [/vc_column_text][vc_column_text]

    1.  อะโวคาโด

    [/vc_column_text][vc_single_image image=”4354″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

               อะโวคาโดมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพพร้อมกับวิตามินอีจำนวนมาก เช่นเดียวกับวิตามินซี วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายและช่วยในเรื่องการขึ้นของเส้น

               การศึกษาหนึ่งของผู้ที่มีผมร่วงพบว่า ผู้เข้าร่วมมีการขี้นของเส้นผมมากกว่า 34.5% หลังจากแปดเดือนของการใช้วิตามินอี วิตามินอียังมีบทบาทที่สำคัญในการปกป้องจากความเครียดออกซิเดชั่นและความเสียหายของหนังศีรษะแห้ง

    [/vc_column_text][vc_column_text]

    1.  หอยนางรม

    [/vc_column_text][vc_column_text][/vc_column_text][vc_column_text]

              หอยนางรมเป็นอาหารบำรุงผมที่ยอดเยี่ยม สำหรับการเจริญเติบโตของผม เพราะมีธาตุสังกะสีที่มาก และยังสามารถพบธาตุสังกะสีได้ในอาหารต่างๆ เช่น เนื้อแดง, พืชตระกูลถั่ว(ถั่วชิกพี และถั่วต่างๆ), นม, ไข่, และข้าวสาลี

              สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเส้นผม การขาดธาตุสังกะสีนั้นเชื่อมโยงถึงผมร่วง ที่เรียกว่า ผมร่วงทั่วศีรษะ(telogen effluvium) ซึ่งโชคดีที่สามารถย้อนกลับได้ โดยการได้รับประทานอาหารที่มีธาตุสังกะสีสูง

    [/vc_column_text][vc_column_text]

    1.  ถั่ว

    [/vc_column_text][vc_column_text][/vc_column_text][vc_column_text]

                 หากคุณต้องการลดเนื้อสัตว์ แต่ไม่ต้องการละเลยการบริโภคโปรตีน ถั่วเป็นเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่นอกเหนือจากถั่วจะมีโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว ถั่วยังมีธาตุเหล็กไบโอติน สังกะสีและโฟเลต ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ยิ่งไปกว่านั้นถั่วยังมีความหลากหลายและราคาไม่แพง ดังนั้นคุณสามารถกินได้มากเท่าไหร่ก็ได้

    [/vc_column_text][vc_column_text]

                เราจึงมุ่งเน้นไปที่การกินอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามิน A, C, D และ E กรดไขมันที่จำเป็นและธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี โฟเลตและไบโอติน ที่เชื่อมโยงกับการเจริญเติบโตของเส้นผม อาหารช่วยรักษาการเจ็บป่วยได้มาก เส้นผมที่หนาและเงางาม เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณมีสุขภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอก

    [/vc_column_text][vc_column_text]


    ที่มาข้อมูล : https://www.healthline.com/nutrition/foods-for-hair-growth#section2

    ที่มาภาพ : Herclinic, HONESTDOCS, mayaondawtadam.blogspot.comtermsuk.oonvalley.com, catdumb.com, Kapook, prayod.com[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

  • การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด

    การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด

    [vc_row][vc_column][vc_column_text]การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด

    การนอนเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต จำนวนชั่วโมงของการนอนที่เพียงพอนั้นแตกต่างตาม

    ช่วงอายุ การนอนช่วยรักษาสุขภาพและทำให้เราตื่นตัว ทำให้ระบบเผาผลาญและฮอร์โมนทำงานเป็นปกติ การนอนเป็นกุญแจ

    สำคัญต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี

    ดร. Phyllis C. Zee ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาและผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาความผิดปกติเรื่องการนอนหลับ

    คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Northwestern ที่ Chicago ได้กล่าวไว้ว่า การนอนถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานของจิตใจ

    เพราะมีผลต่อทั้งความตื่นตัว ความจำ การควบคุมอารมณ์ และสุขภาพกายอีกด้วย

    เราต้องการการนอนเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อการมีสุขภาพที่แข็งแรง โดยปกติแล้วเวลานอนจะแปรผันตามอายุ

    และขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผู้ใหญ่มักจะต้องการการนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน โดยสมาคมนอนหลับแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญ

    18 คนได้ทบทวนการศึกษามากกว่า 300 เรื่องเพื่อที่จะระบุเวลานอนที่เพียงพอสำหรับช่วงอายุที่ต่างกัน ได้ข้อสรุปดังนี้

     

    • ทารกแรกเกิด (0-3 เดือน) : 14-17 ชั่วโมง
    • เด็กอ่อน (4-11 เดือน) : 12-15 ชั่วโมง
    • วัยเริ่มคลาน (1-2 ปี) : 11-14 ชั่วโมง
    • วัยก่อนวัยเรียน  (3-5 ปี) : 10-13 ชั่วโมง
    • เด็กวัยเรียน (6-13 ปี) : 9-11 ชั่วโมง
    • วัยรุ่น (14-17 ปี) : 8-10 ชั่วโมง
    • วัยรุ่นตอนปลาย (18-25 ปี) : 7-9 ชั่วโมง
    • ผู้ใหญ่ (26-64 ปี) : 7-9 ชั่วโมง
    • ผู้สูงอายุ ( >65 ปี) : 7-8 ชั่วโมง
                   การพักผ่อนที่เพียงพอตามระยะเวลาที่ร่างกายต้องการ จะช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูร่างกาย
    ทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ทำงานได้อย่างดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
    สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี การพักผ่อนที่เพียงพอจึงมีส่วนสำคัญมากในด้านของคุณภาพชีวิต
    และความเป็นอยู่ที่ดีของร่างกาย

    [/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

  • 4 เคล็ดลับ ทำให้นอนแบบเต็มเต็มอิ่ม

    4 เคล็ดลับ ทำให้นอนแบบเต็มเต็มอิ่ม

    [vc_row][vc_column][vc_column_text]

    คุณมักจะตื่นก่อนนาฬิกาปลุกไหม ? หลายสิ่งหลายอย่างสามารถปลุกคุณให้ตื่นจากการนอนที่มีค่า
    เรามีเทคนิคมาแนะนำให้คุณได้พักผ่อนตอนกลางคืนของคุณดีขึ้น
    1. ลดความเครียดและความกังวล
                   Michael Breus ผู้เขียนหลักสูตร Good Night: โปรแกรม 4 สัปดาห์ เพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้นและสุขภาพที่ดีขึ้น
    “จิตใจที่ยังคงอยู่ในสภาวะที่หงุดหงิดในขณะที่คุณเข้านอน ทำให้คุณไวต่อความรู้สึกตื่นนอน”
                      • นั่งสมาธิ
                      • การยืดเส้นยืดสาย
                      • อ่าน (แต่ไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจทำให้ง่วงนอนได้ยาก)
                      • คุณสามารถเขียน “จดบันทึกกังวล” อาจทำให้คุณผ่อนคลายความเครียด หากคุณจดกังวลหรือสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้
                      • นับเลขถอยหลัง จาก 300 ถึง 0
    2. เปลี่ยนเตียงใหม่
                     ความเจ็บปวดทำให้รบกวนการนอนหลับของคุณ หากปวดหลังหรือสะโพกเป็นประจำจะทำให้คุณตื่นขึ้นมา
    ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนที่เตียงนอนของคุณ เปลี่ยนที่นอนใหม่: การรองรับสรีระร่างกายและอายุการใช้งานของเตียง
    เราแนะนำให้ซื้อใหม่อย่างน้อยทุก 7 ปี การวิจัยชี้ให้เห็นว่าที่นอนที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยลดอาการปวดหลัง
    ได้ดีกว่าแบบที่แข็ง แน่นเปลี่ยนหมอน: เปลี่ยนหมอนปีละครั้ง เลือกหมอนที่หนาหากคุณเป็นคนนอนตะแคง ฯลฯ
    3. อุณหภูมิที่พอดี
                        Tracey Marks ผู้เชี่ยวชาญการนอน กล่าวไว้ว่า “อุณหภูมิที่ดี สำหรับการนอนหลับนั้นอยู่ที่ระหว่าง 20 องศา
    ถึง 23.5 องศา” นอกจากนี้อาหารรสเผ็ดหรือเปรี้ยวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสามารถทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และทำให้คุณมีเหงื่อออกมากขึ้นในตอนกลางคืน หลีกเลี่ยงการกินหรือเครื่องดื่มใกล้เวลานอน
    4. ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
                    ถ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สว่างและส่งเสียงเตือน จะทำให้รบกวนการนอนหลับ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน
    แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อการพักผ่อนยามค่ำคืนที่ดียิ่งขึ้น ให้เก็บออกจากห้องนอน

    [/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

  • เสริมดวงวัน “ตรุษจีน” รวม “ของไหว้” ความหมายมงคลรับปีหมูทอง

    เสริมดวงวัน “ตรุษจีน” รวม “ของไหว้” ความหมายมงคลรับปีหมูทอง

    [vc_row][vc_column][vc_column_text]ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า เทศกาลตรุษจีนจะแบ่งวันออกเป็น 3 วัน

    วันที่ 1 คือวันจ่าย (ปีนี้ตรงกับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562) เป็นวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือตี่จู้เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับสักการบูชาของเจ้าบ้าน

    วันที่ 2 คือวันไหว้ (ปีนี้ตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562) จะมีการไหว้ 3 ครั้ง ตอนเช้ามืดจะไหว้ “ไป๊เล่าเอี๊ย” เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตอนสายจะไหว้ “ไป๊เป้บ๊อ” หรือการไหว้บรรพบุรุษ ตอนบ่ายไหว้ “ไป๊ฮ้อเฮียตี๋” เป็นการไหว้พี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว

    วันที่ 3 คือวันขึ้นปีใหม่ของจีน (ปีนี้ตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562) คือวันที่ 1 ของเดือนที่ 1 ของปี หรือ “ชิวอิก” โดยมีการไหว้เทพเจ้า “ไฉ่สิ่งเอี้ย” ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    เตรียมของไหว้มงคลรับตรุษจีน

    สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมในการไหว้วันตรุษจีน มีดังนี้

    1. เทียนแดง 1 คู่ (และธูป 3 ดอกต่อ 1 ท่าน)

    2. ข้าวสารใส่แก้ว

    3. กิมฮวย (ก้านหางนกยูงที่ใช้ปักในกระถางธูป + กระถางธูป)

    4. ชุดกระดาษเงิน-ทอง

    5. สาคูแดงต้มสุก 3-5 ถ้วย

    6. ผลไม้ 5 อย่าง

    7. น้ำชา 5 ถ้วย

    8. ของไหว้เจ 5 อย่าง (เช่น เห็ดหอม, เห็ดหูหนู, ดอกไม้จีน, วุ้นเส้น, ฟองเต้าหู้ เป็นต้น)

         อาหารไหว้พร้อมความหมายมงคล

    1. ไก่ หมายถึง ความสง่างาม ยศ และความขยันขันแข็ง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ต้องเป็นไก่เต็มตัว หมายถึง มีหัว ตัว ขา ปีก มีความหมายถึง ความสมบูรณ์

    2. เป็ด หมายถึง สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย, ปลา หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์

    3. หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้, หมึก หมายถึง เหลือกิน เหลือใช้ (เหมือนปลา)

    4. บะหมี่ยาว หรือหมี่สั้ว หรือ ฉางโซ่วเมี่ยน ตามชื่อหมายถึง อายุยืนยาว

    5. เม็ดบัว หมายถึง การมีบุตรชายจำนวนมาก

    6. ถั่วตัด หมายถึง แท่งเงิน จะได้อุดมไปด้วยเงิน

    7. สาหร่ายทะเลสีดำ หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย

    8. หน่อไม้ หมายถึง การอวยพรให้ร่ำรวยผาสุก

    9. ขนมเข่ง หมายถึง ความหวานชื่น ราบรื่นในชีวิต ดังนั้นขนมเข่งที่ใส่ในชะลอม หมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์

    10. ขนมเทียน หมายถึง เป็นขนมที่ปรับปรุงขึ้นจากชาวจีนโพ้นแผ่นดิน ดัดแปลงมาจากขนมท้องถิ่นของไทย จากขนมใส่ไส้ เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิ มาเป็นแป้งข้าวเหนียวแทน มีความหมายหวานชื่น ราบรื่น รูปลักษณ์เป็นกรวยแหลม มีลักษณะเป็นมงคลเหมือนเจดีย์

    11. ขนมไข่ หมายถึง ความเจริญเติบโต

    12. ขนมถ้วยฟูและขนมสาลี่ หมายถึง ความเพิ่มพูนรุ่งเรือง เฟื่องฟู

    13. ซาลาเปา หรือ หมั่นโถว หมายถึง ไหว้เพื่อให้เปาไช้ แปลว่า ห่อโชค

    14. ขนมจันอับ (จั๋งอั๊บ) หมายถึง ปิ่นโต หมายถึงความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป

    ข้อควรระวังในการเตรียมของไหว้

    – คนจีบชอบทานเต้าหู้ขาวก็จริง แต่จะไม่นำมาไหว้ตรุษจีน เนื่องจากสีขาวสำหรับชาวจีน เป็นสีแห่งความโศกเศร้า จึงไม่นำมาไหว้ในเทศกาลเฉลิมฉลอง

    – ในชุดของไหว้ นอกจากกับข้าว ผลไม้ และขนม ควรมีของที่เป็นน้ำเสมอ อาทิ แกงจืด เพื่อให้ชีวิตราบรื่น มีปัญหาก็แก้ง่าย

    สุดท้ายนี้ เมื่อเราไหว้เจ้าแล้ว อย่าลืมนำของไหว้มารับประทานหรือแจกจ่ายให้แก่คนที่ท่านรักได้รับประทานกันทั่วหน้า เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ให้ชีวิตของผู้ไหว้และผู้ได้รับประทานมีความสมบูรณ์พูนสุขกันตลอดทั้งปี.[/vc_column_text][vc_column_text]


    ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

  • อันตรายจากความอ้วน

    อันตรายจากความอ้วน

    [vc_row][vc_column][vc_column_text]ความอ้วนเมื่อเข้ามาเยือนใครแล้ว ความคล่องแคล่วว่องไวเริ่มหาย การหาเสื้อผ้าใส่เริ่มมีปัญหา แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องสุขภาพอนามัยของคนอ้วน เนื่องเพราะคนที่อ้วนเกินไปนั้นย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    แม้ว่าไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แม้ว่าไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่การที่มีไขมันไขมันมากเกินไปนั้น จะก่อให้เกิดผลเสียอย่างแน่นอน มีการกำหนดว่า ปริมาณไขมันในร่างกายสำหรับผู้ชายไม่ควรมีมากกว่าร้อยละ 15 ของน้ำหนักตัว ส่วนผู้หญิงไม่ควรเกินร้อยละ 25 ของน้ำหนักตัว อันตรายที่เกิดจากความอ้วนนั้น มีอยู่หลายประการด้วยกัน คือ

    1. คนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานถึงร้อยละ 20 จะมีโอกาสหัวใจวายมากขึ้นถึง 3 เท่า
    2. ผู้ที่อ้วนมากจะมีปัญหาทางเพศสัมพันธ์ก็ได้ไม่ว่าชายหรือหญิง หากไม่ทราบวิธีแก้ไข ความสุขทางเพศจะน้อยลงมาก
    3. คนอ้วนจะมีโรคความดันเลือดสูงได้มากกว่า
    4. คนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่า
    5. คนอ้วนจะประสบอุบัติเหตุได้บ่อยกว่า เพราะคนอ้วนมักจะอุ้ยอ้ายและคล่องแคล่วน้อยกว่า โอกาสพลาดพลั้งจึงมากกว่า
    6. คนอ้วนเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนผอม
    7. คนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวเกินถึงร้อยละ 40 ถ้าเป็นผู้หญิงมีโอกาสเกิดมะเร็งมดลูก รังไข่ และเต้านมได้มากขึ้น ถ้าเป็นผู้ชายก็จะเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่และต่อมลูกหมากได้มากกว่า
    8. เมื่อมีความจำเป็นต้องตรวจร่างการ แพทย์จะตรวจร่างกายของคนผอมได้ง่าย เพราะในคนอ้วนนั้นไขมันจะมาบดบังทำให้ฟังหรือคลำหาสิ่งที่ผิดปกติได้ยาก
    9. คนอ้วนจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับข้อได้มากกว่า โดยเฉพาะข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อเท้า และที่ตัวเท้าเอง เพราะข้อเหล่านี้จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะยืนหรือเดินก็ตาม
    10. 10. เมื่อคนอ้วนต้องเป็นผู้ป่วย การพยาบาลดูแลรักษาจะมีความยุ่งยากมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นโรคที่เคลื่อนไหวเองไม่ได้ เช่น อัมพาต จะเพิ่มปัญหาให้กับผู้ดูแลอีกมากมายทีเดียว
    11. คนอ้วนจะเกิดเส้นเลือดขอดได้มากกว่า
    12. หญิงที่อ้วนมากจะตั้งครรภ์ได้ยากกว่า และจะมีปัญหาเกี่ยวกับการคลอดมากกว่าด้วย “ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่การที่มีไขมันมากเกินนั้น จะก่อไห้เกิดผลเสียได้”

    การออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วนเป็นวิธีหนึ่งที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนัก ไม่มีอันตรายใดๆ มีแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีด้วย แต่ว่าต้องทำให้สม่ำเสมอเป็นกิจวัตรประจำวันจึงจะได้ผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องควบคุมอาหารควบคู่กันไปด้วยไขมันที่สะสมจึงจะละลายหายไป กล้ามเนื้อที่แข็งแรงก็จะเข้ามาแทนที่ การออกกำลังกายมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน บางคนก็เดินเพื่อลดความอ้วน บางคนก็วิ่ง หรือเล่นกีฬา [/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

  • นอนตกหมอน

    นอนตกหมอน

    [vc_row][vc_column][vc_column_text]หลายๆ คนมักบ่นว่าปวดคอ ปวดศีรษะ โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนต้นคอแข็งเกร็ง แทบจะขยับไม่ได้ หันคอไม่ได้ และบางครั้งศีรษะเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง และอาจมีอาการปวดร้าวลงที่แขนหรือสะบักด้วย อาการปวดคอจากการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะตื่นนอนเรียกว่า การตกหมอน

    เพราะมักพบว่า ศีรษะไม่ได้หนุนอยู่บนหมอน ตอนตื่นนอน กลางคืนในช่วงหน้าร้อน ความชื้นสูง และแทบไม่มีลมพัดโบกเลยถึงแม้จะนอนที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเหงื่อก็ยังคงออกจนเหนียวตัว ทำให้นอนหลับไม่สนิท จึงนอนพลิกตัวไปมาทั้งคืน ทั้งนอนหงาย นอนตะแคงซ้าย ตะแคงขวา แม้กระทั่งนอนคว่ำ กว่าจะได้นอนหลับสนิทจริงๆ คงใกล้ฟ้าสาง ตี 4 ตี 5 ซึ่งนอนยังไม่ทันเต็มอิ่ม ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเร่งรีบไปทำงาน

    การนอนไม่หลับ เป็นปัจจัยสำคัญของอาการตกหมอน โดยเฉพาะการนอนหลับไม่สนิท นักวิทยาศาสตร์พบว่า ตลอดคืนที่เรานอนหลับ เราจะผ่านระยะนอนหลับไม่สนิทซึ่งไม่ได้ฝัน ระยะที่นอนหลับสนิทเป็นระยะที่ร่างกายได้พักผ่อนจริงๆ กล้ามเนื้อจะคลายตึง หลอดเลือดคลายตัวและสมองมีโอกาสได้จัดความคิดและสิ่งที่เรียนรู้ในตอนกลางวันให้เป็นระบบ ถ้าผู้ใดนอนหลับไม่สนิท หรือเมื่อเข้าสู่ภาวะฝันถูกปลุกให้ตื่นหลายๆ คืนติดต่อกัน ผู้นั้นอาจจะเกิดอาการคลุ้งคลั่งได้ ดังนั้น การนอนหลับไม่สนิทจะเกิดอาการเครียดอย่างหนัก และกล้ามเนื้อมีความตึงมาก ทำให้ปวดคอได้

    การเป่าพัดลมไปยังบริเวณศีรษะและต้นคอ ถึงแม้ลมที่เกิดขึ้นจะทำให้บริเวณคอเย็นได้บ้าง แต่ขณะนอนหลับ การปรับตัวของร่างกายต่อการกระตุ้นจากภายนอก ขาดความสมดุล หลอดเลือดในบริเวณผิวหนัง และกล้ามเนื้อที่ลมเป่าจะหดตัวเพราะเย็นลง แต่หลอดเลือดที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายขยายตัว เพื่อคลายความร้อนออกจากร่างกาย จึงทำให้เราอาจเกิดอาการขนลุก กล้ามเนื้อคอเกิดการหดตัวอย่างกะทันหัน ทำให้ต้นคอแข็งเกร็ง

    ลักษณะของหมอนที่เราใช้หนุน การนอนตะแคงนั้น หมอนควรมีลักษณะค่อนข้างสูงเท่าความกว้างของบ่าและแน่นไม่ยุบง่าย การนอนหงายควรใช้หมอนต่ำหรือหนุนที่บริเวณด้านหลังต้นคอเพื่อรักษาส่วนเว้าของกระดูกไว้ การนอนคว่ำควรใช้หมอนใหญ่สอดลงมาถึงทรวงอก เพื่อไม่ให้ศีรษะแหงนไปข้างหลังมากเกินไป จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ จากหมอนที่สูงในท่านอนตะแคงมาเป็นท่านอนหงาย อาจทำให้เกิดการกระตุกอย่างกะทันหัน

    การนั่งสัปหงก กล้ามเนื้อด้านตรงข้ามจะหดตัวทันทีเพื่อกระตุกศีรษะให้ตั้งตรง ซึ่งเป็นปฎิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันในภาวะที่ยังนอนหลับไม่สนิทกล้ามเนื้อคอจึงมีโอกาสฉีกขาดและเกิดการเกร็งตัวขึ้น ซึ่งเป็นการป้องกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอีก อาการตกหมอนที่เป็นผลจากการหดตัวของกล้ามเนื้อต้นคอ นอกจากทำให้หันคอไปมาไม่สะดวก เกิดอันตรายในการขับรถ หรือเกิดอาการปวดมากขึ้น เมื่อต้องขืนคออยู่ตลอด ภาวะการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อที่หดตัวไม่คล่องทำให้มีอาการปวดล้ามากขึ้น เพราะขาดออกซิเจนและอาหาร อาการตกหมอนอาจเกิดอาการแทรกซ้อนที่ค่อนข้างรุนแรง คือ กระดูกคอเรียงตัวไม่ดีหมอนรองกระดูกถูกบีบให้แคบลง เป็นผลให้รากประสาทที่ออกจากบริเวณหมอนรองกระดูกถูกกดทับในข้างนั้น หรือถูกกระชากให้ยืดในด้านตรงกันข้ามจึงเกิดอาการชา หรือปวดร้าวลงที่สะบักหรือต้นแขน

    ถ้าความสมดุลของกล้ามเนื้อทั้ง 2 ด้านของต้นคอเสียไป การเรียงตัวของกระดูกคอไม่อยู่ในลักษณะตรง หรือส่วนเว้าด้านหลังคอเสียไป การไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ อาการปวดคอหรือตกหมอน ย่อมคงอยู่ หรือเป็นๆ หายๆ ดังนั้น วิธีการรักษาอาการตกหมอนจึงจำเป็นต้องปรับสภาพของร่างกายให้เข้าสู่ภาวะสมดุล โดยเริ่มจากการนอนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงพัดลม หรือลมของเครื่องปรับอากาศเป่าโดยตรงมาที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย นอนหงายโดยเอาผ้าขนหนูม้วนเป็นแท่งยาวสอดที่ด้านหลังต้นไว้ หมุนคอไปมาในท่านอนหงาย เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายออก หรืออาจต้องสวมใส่ปลอกคอในขณะทำงาน เพื่อให้กล้ามเนื้อมีโอกาสพักและซ่อมแซมตัวเอง

    หลีกเลี่ยงการกินยาคลายกล้ามเนื้อ ควรมีโอกาสนอนพักอยู่ที่บ้าน และไม่ควรขืนศีรษะให้กลับเข้าตำแหน่งเดิม โดยผู้หวังดีที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจทำให้อาการตกหมอนเป็นมากขึ้น และกระทบกระเทือนถูกรากประสาทได้[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

  • อาหารที่ช่วยให้สุขภาพผมดี

    อาหารที่ช่วยให้สุขภาพผมดี

    ปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับลักษณ์คุณภาพของเส้นผมของเรานั้น ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและอายุ เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้ผมหยิก
    ผมตรงหรือว่าสีผมของเราจะสีอะไร มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ความหนาของผมและการขึ้นของผมนั้นถูกควบคุมโดยธรรมชาติ
    แต่มีสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เพื่อช่วยการเจริญเติบโตของผมที่แข็งแรง รวมถึงป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม อาหารที่ดีที่สุด 6 อย่างนี้
    ช่วยทำให้สุขภาพเส้นผมดี มีดังต่อไปนี้

    1. ไข่

    ไข่เป็นรายการอาหารที่เด่นในเรื่องการดูแลสุขภาพผม เพราะไข่โปรตีน และไบโอตินจำนวนมากเช่นเดียวกับสารอาหารอื่น ๆ
    เช่นสังกะสีและซีลีเนียม รูขุมขนส่วนใหญ่ทำมาจากโปรตีน และเมื่อโปรตีนไม่เพียงพอก็จะส่งผลทำให้ผมร่วง ไบโอตินเป็นสารอาหาร
    ที่จำเป็นต่อการผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เคราติน หากคุณขาดไบโอติน การบริโภคมากขึ้น อาจช่วยปรับปรุงการขึ้นของเส้นผม
    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายตัวที่มีจุดประสงค์จะช่วยในเรื่องการปรับคุณภาพเส้นผมให้ดีขึ้น จึงเป็นเหตุผลทำให้มีไบโอตินเป็นส่วนประกอบด้วย

    2. เบอร์รี่

    ผลเบอร์รี่เป็นอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ เพราะมีสารอาหารบางอย่างและวิตามินที่ส่งเสริมการขึ้นของเส้นผม หนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่สุด
    คือวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแรง สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องรูขุมขนจากการถูกทำลาย โดยสารอนุมูลอิสระซึ่งมีอยู่
    ตามธรรมชาติในร่างกายและเชื่อมโยงกับอายุ ร่างกายของเราใช้วิตามินซี เพื่อผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการป้องกันไม่ให้
    เส้นผมหลุดร่วงและเปราะ และท้ายสุดนี้ วิตามินซียังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและป้องกันโรคโลหิตจาง ซึ่งสัมพันธ์กับการป้องกันผมหลุดร่วง

    3. ปลาที่มีไขมัน

    ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแฮร์ริ่งและปลาแมคเคอเรลช่วยเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม เนื่องจากมีกรดไขมันโอเมก้า 3 เข้มข้น
    การศึกษาผู้หญิงทั้งหมด 120 คนที่ ได้รับอาหารเสริมจากน้ำมันปลาและสารต้านอนุมูลอิสระพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วเส้นผมของพวกเขานั้นมีความหนาแน่นสูง
    และมีการขาดหลุดร่วงน้อยลง การศึกษาอีกข้อ สรุปว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผมในผู้หญิงที่มีผมบาง
    หากคุณไม่ชอบกินปลา อาหารเสริมน้ำมันปลาเป็นทางเลือกที่ดีอีกทาง อย่างไรก็ตามปลายังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อเส้นผมอื่น ๆ
    เช่น โปรตีน ซีลีเนียม วิตามิน D3 และวิตามินบี

    4. อะโวคาโด

    อะโวคาโดมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพพร้อมกับวิตามินอีจำนวนมาก เช่นเดียวกับวิตามินซี วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีในการต่อต้านอนุมูล
    อิสระที่เป็นอันตรายและช่วยในเรื่องการขึ้นของเส้น การศึกษาหนึ่งของผู้ที่มีผมร่วงพบว่า ผู้เข้าร่วมมีการขี้นของเส้นผมมากกว่า 34.5%
    หลังจากแปดเดือนของการใช้วิตามินอี วิตามินอียังมีบทบาทที่สำคัญในการปกป้องจากความเครียดออกซิเดชั่นและความเสียหายของหนังศีรษะแห้ง

    5. หอยนางรม

    หอยนางรมเป็นอาหารบำรุงผมที่ยอดเยี่ยม สำหรับการเจริญเติบโตของผม เพราะมีธาตุสังกะสีที่มาก และยังสามารถพบธาตุสังกะสีได้ในอาหารต่างๆ
    เช่น เนื้อแดง, พืชตระกูลถั่ว(ถั่วชิกพี และถั่วต่างๆ), นม, ไข่, และข้าวสาลี สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเส้นผม
    การขาดธาตุสังกะสีนั้นเชื่อมโยงถึงผมร่วง ที่เรียกว่า ผมร่วงทั่วศีรษะ(telogen effluvium) ซึ่งโชคดีที่สามารถย้อนกลับได้ โดยการได้รับประทานอาหาร
    ที่มีธาตุสังกะสีสูง

    6. ถั่ว

    หากคุณต้องการลดเนื้อสัตว์ แต่ไม่ต้องการละเลยการบริโภคโปรตีน ถั่วเป็นเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่นอกเหนือจากถั่วจะมีโปรตีนในปริมาณที่
    เหมาะสมแล้ว ถั่วยังมีธาตุเหล็กไบโอติน สังกะสีและโฟเลต ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ยิ่งไปกว่านั้นถั่วยังมีความหลากหลาย
    และราคาไม่แพง ดังนั้นคุณสามารถกินได้มากเท่าไหร่ก็ได้  หากคุณกำลังมีปัญหากับการผมร่วงที่ไม่ใช่พันธุกรรมหรือฮอร์โมนในธรรมชาติ
    (เช่น หลังการตั้งครรภ์หรือปัญหาผมร่วงในผู้ชาย) หรือถ้าผมของคุณเติบโตช้ากว่าค่าเฉลี่ย (0.5 นิ้วต่อเดือน หรือ 6 นิ้วต่อปี) อาหารอาจเป็นส่วนหนึ่งของ
    สาเหตุที่ทำให้ผมร่วง

    เราจึงมุ่งเน้นไปที่การกินอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามิน A, C, D และ E กรดไขมันที่จำเป็นและธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี โฟเลตและไบโอติน

    ที่เชื่อมโยงกับการเจริญเติบโตของเส้นผม อาหารช่วยรักษาการเจ็บป่วยได้มาก เส้นผมที่หนาและเงางาม เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณมีสุขภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอก

     

    ที่มา : https://www.healthline.com/nutrition/foods-for-hair-growth#section2